เริ่มแล้ว“มหกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ ๒๕๕๗ (Thailand Medical Expo 2014)”

: 27 พ.ย 57     : แพทยสภา


เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2557  เวลา 13.30 น. ห้องประชุม Grand Hall ศูนย์นิทรรศการและการ

ประชุมไบเทค บางนา งาน“มหกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ ๒๕๕๗ (Thailand Medical Expo 2014)”

ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ  รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการงาน “มหกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ ๒๕๕7 (Thailand Medical Expo 2014)”และการประชุมวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยของแพทยสภามีการมอบเกียรติบัตร เข็มเกียรติคุณ ให้นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 และมีการนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษาฯ ทั้ง 10 กลุ่ม

ศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์  โล่ห์เลขา นายกแพทยสภาเปิดเผยว่าวันที่ 9 ตุลาคม 2557

ถือเป็นวันครบรอบสถาปนา 46 ปีของแพทยสภา ซึ่งแพทยสภา ถือกำเนิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวช

กรรม พ.ศ. 2511 โดยวัตถุประสงค์ของแพทยสภาคือ

(1)    ควบคุมการประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม

(2)    ส่งเสริมการศึกษา   การวิจัย   และการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในทางการแพทย์

(3)    ส่งเสริมความสามัคคี  และผดุงเกียรติของสมาชิก

(4)    ช่วยเหลือ  แนะนำ  เผยแพร่  และให้การศึกษาแก่ประชาชน  และองค์กรอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์และการสาธารณสุข

(5)    ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการแพทย์และการสาธารณสุข

(6)    เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทยรวมทั้ง แพทยสภามีอำนาจหน้าที่คือ

(1)     รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม

(2)     พักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม

(3)     รับรองปริญญา  ประกาศนียบัตรในสาขาวิชาแพทยศาสตร์  หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพเวชกรรมของสถาบันต่าง ๆ

(4)     รับรองหลักสูตรต่าง ๆ สำหรับการฝึกอบรมในวิชาชีพเวชกรรมของสถาบันทางการแพทย์

(5)     รับรองวิทยะฐานะของสถาบันทางการแพทย์ที่ทำการฝึกอบรมใน (4)

(6)     ออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบ

วิชาชีพเวชกรรมสาขาต่าง ๆ และออกหนังสือแสดงวุฒิอื่น ๆ ในวิชาชีพเวชกรรม

                   งานของแพทยสภาที่ได้ดำเนินการมาและต้องทำต่อไปมีจำนวนมากขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพแพทย์ต้องมีแพทยสภาร่วมอยู่ด้วยเสมอ แพทยสภาจึงต้องดูแลทั้งแพทย์และประชาชน สมดังคำขวัญแพทยสภาที่ว่า “แพทยสภายุคใหม่    ยกคุณภาพแพทย์ไทย โปร่งใส ใส่ใจประชาชน”

และในปีนี้ "แพทยสภา"ได้มีการพัฒนาองค์ความรู้แบบมีส่วนร่วม โดยใช้หลักธรรมาภิบาลตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จัดโครงการหลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันพระปกเกล้า เป็นอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะท่านเลขาธิการสถาบันพระ ปกเกล้า ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในการจัดหลักสูตรตามหลักคิดว่า แนวทางในการแก้ปัญหาสาธารณสุขของประเทศในยุคต่อไปต้องเกิดขึ้นอย่างโปร่งใส บนพื้นฐานคุณธรรมและการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน

 

นายกแพทยสภา กล่าวต่อว่า แพทยสภา ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้า จัดอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตร

ธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง เปิดอบรมแล้วจำนวน 3 รุ่น โดยมีผู้เข้ารับการอบรมที่

เป็นแพทย์ ผู้บริหารทางการแพทย์สายสาธารณสุขในองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน  จำนวนรุ่นละ 120 คน โดยในวันนี้จะเป็นการมอบเกียรติบัตร เข็มเกียรติคุณ ให้นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 ที่สำเร็จการศึกษาแล้วและมีการนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึก ษาฯ ทั้ง 10 กลุ่ม

 ทั้งนี้แพทยสภาขอขอบคุณ สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะที่เป็นสถาบันศึกษาด้านการเมือง การปกครอง

กฎหมายและเศรษฐศาสตร์อันดับสูงสุดของประเทศภายใต้รัฐสภา ในฐานะที่เป็นสถาบันที่ผลิตผู้บริหารระดับ

สูงหลากหลายสาขาและเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม จึงถือเป็นโอกาสอันเหมาะสมที่ทั้งสองสถาบันจะได้บูรณาการ

องค์ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ แก่ผู้บริหารสายแพทย์และสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลิตบุคลากรที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในการสร้างความเจริญพัฒนาของประเทศไทยต่อไป

 พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา และผู้อำนวยการหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.)กล่าวว่า แพทยสภา ได้ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า และกระทรวงสาธารณสุข และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 (ปธพ.2) จัดโครงการ “หน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ” ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 21 เมษายน2557  ที่โรงพยาบาลหัวหินโดยเปิด 18 คลินิกแพทย์เฉพาะทางโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทันตแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร จากหลายสถานพยาบาล ให้บริการตรวจรักษา ฟรี  เนื่องจากหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูง เป็นไปตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ได้มีพระราชดำรัสแก่คณะกรรมการแพทยสภาว่า “ให้อ่อนน้อมถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสู่แนว คิดการจัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ จึงได้มีการจัดอย่างต่อเนื่องถึง 2 ครั้งโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ให้บริการประชาชนด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงซึ่งผู้บริหารในหลักสูตรเป็นผู้ประสานงานและนำไปดูแลประชาชนภายใต้ชื่อแพทยสภาร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า 2) เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ จากอาจารย์แพทย์ไปยังแพทย์ในพื้นที่ 3) เป็นการฝึกการประสานร่วมแพทย์ทุกภาคส่วนจัดหน่วยแพทย์ขนาดใหญ่ระดับตติยภูมิเข้าไปช่วยเหลือโรงพยาบาลในพื้นที่ในลักษณะของโรงพยาบาลสนาม 4) เป็นการเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลพื้นที่และท้องถิ่นในการปรับเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อเป็นต้นแบบหากมีความจำเป็นต้องระดมกำลังแพทย์ในอนาคต ณ พื้นที่นั้น ทั้งนี้ผู้ป่วยทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ต่อไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

 

ศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.2)  ซึ่งจบการศึกษา แพทยสภาได้มอบเข็มเชิดชูเกียรติแพทยสภาให้กับผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น อดีตนายกแพทยสภา อดีตเลขาธิการแพทยสภา กรรมการแพทยสภา วาระปัจจุบัน และมอบเข็มเกียรติคุณ ปธพ. ให้กับ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า, รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มอบโล่ นักศึกษาดีเด่น มอบเข็มเกียรติคุณ และเกียรติบัตรให้กับนักศึกษา ปธพ.1 จำนวน 120 ท่าน รวมทั้งมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ให้การสนับสนุนหลักสูตรฯ

หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีเป้าประสงค์ที่จะสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของวงการแพทย์ไทย ซึ่งนานาอารย ประเทศได้ชื่นชมประเทศไทยในความสำเร็จทั้งด้าน Medical Hub และ  Universal Coverage อย่างไรก็ตามยังคงมีความท้าทายอีกมากในการพัฒนาวงการแพทย์วงการสาธารณสุขของประเทศไทย ให้เกิดความยั่งยืนและสมดุล หลักสูตรนี้จะเป็นเวทีที่ช่วยเสริมการพัฒนาดังกล่าว ภายใต้หลักการธรรมาภิบาล ซึ่งในรุ่น 2 นี้แพทยสภาได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในบ้านเมือง มาร่วมเป็นนักศึกษาในหลักสูตร นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารทางการแพทย์ระดับสูงจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนมาร่วมชั้นเรียนเป็นเวลา 5 เดือน    และในวันนี้ถือเป็นวันสำคัญที่นักศึกษาทั้ง 10 กลุ่ม จะได้ทั้งร่วมกันนำเสนอผลงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาระบบสาธารณสุขไทยและสังคมต่อท่านสภานายกพิเศษ(รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข)เป็นครั้งแรก

หมายเหตุ :ผลการวิจัย (ฉบับย่อ)ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันพระปกเกล้าแล้ว (มีเอกสารฉบับเต็มแจกผู้เข้าร่วมงานที่สนใจ และสื่อมวลชน)

กลุ่มวิชาการที่ 1การคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข ทุกสิทธิ ด้วยการเพิ่มเติมมาตรา 41

                   ใน พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๕

กลุ่มวิชาการที่ 2 การคุ้มครองผู้รับบริการในสถานพยาบาล :กรณีศึกษาสถานพยาบาลเสริมความงาม

กลุ่มวิชาการที่ 3ความพร้อมในการนำระบบการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติ
               (
Pay for Performance) มาใช้ในประเทศไทย

กลุ่มวิชาการที่ 4   แนวทางการแก้กฎหมายฟ้องร้องทางอาญาคดีทางการแพทย์

กลุ่มวิชาการที่ 5 ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

                       (กรณีศึกษา : ชุมชนในจังหวัดชลบุรีและกาญจนบุรี)

กลุ่มวิชาการที่ 6 ปัญหาการขาดแคลนพยาบาล: แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

กลุ่มวิชาการที่ 7 การผลิตแพทย์หลักสูตรนานาชาติในประเทศไทย

กลุ่มวิชาการที่ 8 ธรรมาภิบาลกับการบริหารทางการแพทย์สำหรับแรงงานต่างประเทศในประเทศไทย

                         (กรณีศึกษา : อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร)

กลุ่มวิชาการที่ 9  การบูรณาการให้บริการและการชดเชยค่าบริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยในของระบบ

                         ประกันสุขภาพสามกองทุน

กลุ่มวิชาการที่ 10 การเปิดการอบรมแพทย์ประจำบ้านโดยโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย



Copyright © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์โดยแพทยสภา ห้ามทำการลอกเลียน ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดนอกจากจะได้รับอนุญาต