45 ปีแพทยสภา
: 17 ต.ค. 56 : แพทยสภา
แพทยสภา จัดงานครบรอบ 45 ปี ในวันสถาปนา 9 ตุลาคม 2556 โดยฯพณฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดนิทรรศการ 45 ปี แพทยสภา และแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ กับการแพทย์ไทย” และนายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง“การแพทย์ไทยจะไปทางไหนในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)”
วันที่ 9 ตุลาคม 2556 เวลา 9.30 น. ณ ห้องประชุมโรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะฯพณฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดนิทรรศการ 45 ปีแพทยสภา การดำเนินงาน การพัฒนาในช่วง 4 ทศวรรษ พร้อมทั้งความเป็นมาหลักสูตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ โครงการแพทย์อาสาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 85 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ครบรอบ 80 พรรษาและการบันทึกสถิติโลก (Guinness World Record)เฉลิมพระเกียรติ เมื่อ 17 มีนาคม 2556 โดยนักศึกษา ปธพ.1 แพทยสภา และสถาบันพระปกเกล้า พร้อมทั้งผลงานวิชาการนักศึกษา 10 เรื่อง
ศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ โลห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่าวันที่ 9 ตุลาคม 2556 ถือเป็นวันครบรอบสถาปนา 45 ปีของแพทยสภา ซึ่งแพทยสภา ถือกำเนิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511 โดยวัตถุประสงค์ของแพทยสภาคือ
(1) ควบคุมการประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรม แห่งวิชาชีพเวชกรรม
(2) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในทางการแพทย์
(3) ส่งเสริมความสามัคคี และผดุงเกียรติของสมาชิก
(4) ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชน และองค์กรอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์และการสาธารณสุข
(5) ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการแพทย์และการสาธารณสุข
(6) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทยรวมทั้ง แพทยสภามีอำนาจหน้าที่คือ
(1) รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
(2) พักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
(3) รับรองปริญญา ประกาศนียบัตรในสาขาวิชาแพทยศาสตร์ หรือวุฒิบัตรใน วิชาชีพเวชกรรมของสถาบันต่าง ๆ
(4) รับรองหลักสูตรต่าง ๆ สำหรับการฝึกอบรมในวิชาชีพเวชกรรมของสถาบันทางการแพทย์
(5) รับรองวิทยะฐานะของสถาบันทางการแพทย์ที่ทำการฝึกอบรมใน (4)
(6) ออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบ
วิชาชีพเวชกรรมสาขาต่าง ๆ และออกหนังสือแสดงวุฒิอื่น ๆ ในวิชาชีพเวชกรรม
งานของแพทยสภาที่ได้ดำเนินการมาและต้องทำต่อไปมีจำนวนมากขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพแพทย์ต้องมีแพทยสภาร่วมอยู่ด้วยเสมอ แพทยสภาจึงต้องดูแลทั้งแพทย์และประชาชน สมดังคำขวัญแพทยสภาที่ว่า “แพทยสภายุคใหม่ ยกคุณภาพแพทย์ไทย โปร่งใส ใส่ใจประชาชน”
และในปีนี้มีสิ่งสำคัญซึ่งต่างจากทุกปีคือการที่ "แพทยสภา"ได้มีการพัฒนาองค์ความรู้แบบมีส่วนร่วม โดยใช้หลักธรรมาภิบาลตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จัดเป็นโครงการหลักสูตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันพระปกเกล้า เป็นอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะท่านเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในการจัดหลักสูตร ตามหลักคิดว่า แนวทางในการแก้ปัญหาสาธารณสุขของประเทศในยุคต่อไปต้องเกิดขึ้นอย่างโปร่งใส บนพื้นฐานคุณธรรมและการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน
นายกแพทยสภา กล่าวต่อว่า แพทยสภา ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้า จัดอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ รุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2555 โดยมีผู้เข้ารับการอบรมที่เป็นแพทย์ผู้บริหารทางการแพทย์สายสาธารณสุขในองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน จำนวน 120 ท่าน สำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ รุ่นที่ 1 แพทยสภาในฐานะสภาวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มีภารกิจตั้งแต่กำกับดูแลการผลิตนักศึกษาแพทย์ใน 21 คณะแพทยศาสตร์ ไปจนถึงควบคุมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมกว่า 44,000 คน ในสาขาเชี่ยวชาญ 80 สาขา ภายใต้ 14 ราชวิทยาลัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องรับผิดชอบการตรวจรักษาผู้ป่วยกว่า 200 ล้านครั้งต่อปีในทุกภาคส่วน นอกจากความซับซ้อนทางวิชาการแพทย์ตามเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นแล้ว ความซับซ้อนทางด้านสังคมวิทยาเศรษฐกิจและกฎหมายโดยเฉพาะด้านการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ด้านเศรษฐกิจทั้งในระดับอาเซียนและระดับโลก ด้านกฎหมายมหาชนซึ่งมีผลต่อการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งแพทย์และผู้บริหารสายแพทย์มีความจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจต่อภาวะวิสัยทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อให้สมดุล ในการดูแลประชาชนในระบบสุขภาพของประเทศภายใต้ทรัพยากรอันจำกัด ทั้งนี้แพทยสภาขอขอบคุณ สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะที่เป็นสถาบันศึกษาด้านการเมือง การปกครอง กฎหมายและเศรษฐศาสตร์อันดับสูงสุดของประเทศภายใต้รัฐสภา ในฐานะที่เป็นสถาบันที่ผลิตผู้บริหารระดับสูงหลากหลายสาขาและเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม จึงถือเป็นโอกาส อันเหมาะสมที่ทั้งสองสถาบันจะได้บูรณาการองค์ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ แก่ผู้บริหารสายแพทย์และสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลิตบุคลากรที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในการสร้างความเจริญพัฒนาของประเทศไทยต่อไป
นอกจากนี้แพทยสภา ได้ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า และกระทรวงสาธารณสุข จัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบรอบ 85 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติของแพทย์อาสาทุกท่านที่เข้าร่วมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมแพทย์เฉพาะทางตาที่ออกบริการดูแลรักษาประชาชนจำนวนมากที่สุดครั้งแรกในโลก สร้างชื่อบันทึกลง “สถิติโลกกินเนสบุ๊ค” (Guinness Book World Record) ให้บริการตรวจตา 450 คน ใน 1 ชั่วโมง พร้อมด้วยทีมแพทย์อาสาสมัครอีกกว่า 300 ราย ซึ่งการออกหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ
“The most eye tests performed in one hour were achieved to celebrate His Majesty the King's 85th and Her Majesty the Queen's 80th Birthday Anniversaries by The Medical Council of Thailand and King Prajadhipok's Institute, in Ayuddhaya, Thailand, on 17 March 2013”
ศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ (ปธพ.1) ซึ่งจบการศึกษา แพทยสภาได้มอบเข็มเชิดชูเกียรติแพทยสภาให้กับผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น อดีตนายกแพทยสภา อดีตเลขาธิการแพทยสภา กรรมการแพทยสภา วาระปัจจุบัน และมอบเข็มเกียรติคุณ ปธพ. ให้กับ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า, รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มอบโล่ นักศึกษาดีเด่น มอบเข็มเกียรติคุณ และเกียรติบัตรให้กับนักศึกษา ปธพ.1 จำนวน 120 ท่าน รวมทั้งมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ให้การสนับสนุนหลักสูตรฯ
หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีเป้าประสงค์ที่จะสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของวงการแพทย์ไทย ซึ่งนานาอารย ประเทศได้ชื่นชมประเทศไทยในความสำเร็จทั้งด้าน Medical Hub และ Universal Coverage อย่างไรก็ตามยังคงมีความท้าทายอีกมากในการพัฒนาวงการแพทย์วงการสาธารณสุขของประเทศไทย ให้เกิดความยั่งยืนและสมดุล หลักสูตรนี้จะเป็นเวทีที่ช่วยเสริมการพัฒนาดังกล่าว ภายใต้หลักการธรรมาภิบาล ซึ่งในรุ่น 1 นี้แพทยสภาได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในบ้านเมือง ทั้งท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ท่านชวน หลีกภัย และอดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ท่านนายแพทย์ไพจิตร ปวะบุตร มาร่วมเป็นนักศึกษาในหลักสูตร นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารทางการแพทย์ระดับสูงจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนมาร่วมชั้นเรียนเป็นเวลา 5 เดือน และในวันนี้ถือเป็นวันสำคัญที่นักศึกษาทั้ง 10 กลุ่ม จะได้ทั้งร่วมกันนำเสนอผลงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาระบบสาธารณสุขไทยและสังคมต่อท่านสภานายกพิเศษ(รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข)เป็นครั้งแรก
หมายเหตุ :ผลการวิจัย (ฉบับย่อ) ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันพระปกเกล้าแล้ว
(มีเอกสารฉบับเต็มแจกผู้เข้าร่วมงานที่สนใจ และสื่อมวลชน)
กลุ่มวิชาการที่ 1 เรื่อง การศึกษาด้านอัตรากำลังแพทย์และพยาบาล : นโยบายและแนวทางแก้ไข
กลุ่มวิชาการที่ 2 เรื่อง การพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทยสภา: ศึกษาคำพิพากษาศาลปกครอง
กลุ่มวิชาการที่ 3 เรื่อง การบริหารการจัดการทางแพทย์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
กลุ่มวิชาการที่ 4 เรื่อง ระบบการร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมกับระบบสุขภาพไทยที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน
กลุ่มวิชาการที่ 5 เรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อแพทย์ภาคเอกชนในการตัดสินใจไปทำงานในประเทศ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
กลุ่มวิชาการที่ 6 เรื่อง บทบาทกระทรวงสาธารณสุขในด้านบริหารจัดการระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ
กลุ่มวิชาการที่ 7 เรื่อง การเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนสำหรับบริการสาธารณสุขของ
ประเทศไทย : กรณีศึกษาการเพิ่มบริการเครื่องมือแพทย์สมัยใหม่
กลุ่มวิชาการที่ 8 เรื่อง แนวทางของการจัดการบริการส่วนเอกชนในโรงพยาบาลของรัฐอย่างมีธรรมาภิบาลกรณีศึกษาโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ
กลุ่มวิชาการที่ 9 เรื่อง การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี พ.ศ. 2545
กลุ่มวิชาการที่ 10 เรื่อง ธรรมาภิบาลสำหรับศูนย์กลางการแพทย์ระดับนานาชาติ
**************************************************