แพทย์ดีเด่นแพทยสภา ประจำปีพุทธศักราช 2563
: 06 ต.ค. 63 : แพทยสภา
คำประกาศเกียรติคุณแพทย์ดีเด่นแพทยสภา ประจำปีพุทธศักราช 2563
ขอแสดงความยินดีกับแพทย์ดีเด่นแพทยสภา ด้านบริหาร ประจำปีพุทธศักราช 2563
พลอากาศตรี นายแพทย์ทวีพงษ์ ปาจรีย์
ประวัติส่วนตัว : เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2505 ปัจจุบันอายุ 57 ปี ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพลอดุยเดช กรมการแพทย์ทหารอากาศ สมรสกับ นางรัชราวลี ปาจรีย์ มีบุตรชาย 1 คน
ประวัติการศึกษา :
ประวัติการทำงาน :
การครองตน
ท่านเป็นคนที่มีคุณธรรมและจริยธรรมดี มีเมตตาธรรมและชอบทำบุญ มีวุฒิภาวะดีคุมอารมณ์ได้ ไม่เคยมีอารมณ์เสีย มีความซื่อสัตย์สุจริต ขยันทำงาน ไม่เคยว่ากล่าวและตำหนิใคร วางตัวเหมาะสม
การครองคน
ท่านมีมนุษยสัมพันธ์ดี ให้เกียรติผู้ร่วมงาน มีวิสัยทัศน์ ทำงานเป็นระบบแบบคุณภาพ เข้าถึงได้ รับฟังปัญหา กล้าตัดสินใจทำให้แก้ไขปัญหาได้สำเร็จลุล่วง ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถปรึกษาปัญหาและขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและคล้อยตามเมื่อได้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ ผู้ร่วมงานจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและอยากจะร่วมทำงานด้วย
การครองงาน
ท่านมีความทุ่มเท,ตั้งใจทำงานเพื่อองค์กร ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง เน้นการบริหารแบบผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เข้าหาปัญหาที่หน้างานและติดตามงานตลอด ให้ทุกคนมีส่วนร่วม สามารถนำบุคลากรให้ทำงานเป็นทีมเพื่อองค์กร มองไปข้างหน้าสร้างความเชื่อมั่น (trust) ให้กับองค์กร
ท่านเป็นผู้บริหารที่นำพา รพ.ภูมิพลอดุลยเดช เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นด้านการให้บริการที่มีประสิทธิภาพโดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับระบบงาน รพ., ระบบหลักประกันสุขภาพ เช่น e-referal system, paperless medicine เป็นต้น ทำให้สามารถให้การบริการกับผู้ป่วยทั่วไปเป็นอย่างดี โดยยังปฏิบัติภารกิจสนับสนุนด้านการแพทย์ให้กับกองทัพอากาศอย่างเต็มที่เป็นรพ.ต้นแบบด้านสารสนเทศให้กับรพ.อื่น ๆได้มาศึกษาดูงาน
ท่านเป็นบุคคลสำคัญในการนำพา รพ.ภูมิพลอดุลยเดชผ่านขบวนการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลขั้นก้าวหน้า โดยวิธีการถ่ายทอดและปรับทัศนคติให้คนในองค์กรเพื่อให้มองเห็นภาพเดียวกัน คือ งานพัฒนาคืองานประจำ และมองคุณค่าของงานจากมุมมองของผู้รับบริการเป็นสำคัญ
ท่านเป็นผู้บริหารที่เข้าใจและให้ความสำคัญในการพัฒนาคนให้มีสมรรถนะและความสามารถที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน โดยโครงการที่สำคัญในปัจจุบันของท่าน มุ่งหวังจะให้ รพ.ภูมิพลอดุลยเดชเป็น Lean hospital ภายใต้ Lean culture ของคนในองค์กร จนกล่าวได้ว่า พล.อ.ต.ทวีพงษ์ ปาจรีย์ คือผู้บริหารที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในทุก ๆด้านของ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ในช่วงเวลากว่า 20 ปี
จึงเป็นความภาคภูมิใจของแพทยสภาที่จะมอบรางวัลแพทย์ดีเด่น แพทยสภา ด้านบริหาร ประจำปีพุทธศักราช 2563 ให้แก่ พลอากาศตรี นายแพทย์ทวีพงษ์ ปาจรีย์
ขอแสดงความยินดีกับแพทย์ดีเด่นแพทยสภา สาขาแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ประจำปีพุทธศักราช 2563
นายแพทย์จรัส วัชรประภาพงศ์
ประวัติส่วนตัว : ตำแหน่ง หน.หน่วยศัลยกรรมประสาท กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก อายุ 60 ปี สมรสกับ เรือโทหญิงชฎาพร วัชรประภาพงศ์ มีบุตรี 2 คน
ประวัติการศึกษา :
ประวัติการทำงาน :
การครองตน
ท่านดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดี และมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคู่สมรสที่เป็นกำลังใจและเข้าใจ ในบริบทของประสาทศัลยแพทย์ ที่ต้องทำงานหนักในช่วงระยะแรกของการทำงานเพียงคนเดียว ที่ต้องทำผ่าตัดผู้ป่วยในเวลากลางคืนทำให้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ด้วยดีเกือบ 30 ปี
การครองคน
เป็นแพทย์ผู้ใหญ่ที่มีอัธยาศัยดี เห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมวิชาชีพ มีน้ำใจให้ความช่วยเหลือโดยมิต้องร้องขอ จึงเป็นที่เคารพนับถือรักใคร่ของผู้ร่วมงานทุกระดับ มีความเป็นผู้นำให้ผู้ร่วมงานมีความสามัคคี สร้างแรงบันดาลใจร่วมกันทำงานเป็นทีม ช่วยเหลือเกื้อกูลกันสร้างหน่วยศัลยกรรมประสาทให้ก้าวหน้า
การครองงาน
เมื่อจบแพทย์ประจำบ้าน สาขาประสาทศัลยศาสตร์ จากรพ.จุฬาลงกรณ์ ในปี พ.ศ. 2524 ท่านได้บรรจุเป็นประสาทศัลยศาสตร์คนแรก ของ รพ.รพ.พระพุทธชินราชและเป็นหนึ่งเดียวในเขตสุขภาพที่ 2 ของภาคเหนือตอนล่าง มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยทางระบบประสาทในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดรอบข้างอีก 4-5 จังหวัด ต่อเนื่องไม่โยกย้ายไปไหนมาตลอดเกือบ 30 ปี โดยในระยะแรกต้องทำงานคนเดียว จนในระยะหลังจึงมีน้อง ๆ ประสาทศัลยแพทย์มาเสริมทีมจาก 2 คนเป็น 5 คนในปัจจุบัน นอกจากนี้ท่านยังเป็นกำลังสำคัญ ในการจัดการเรียนการสอนชั้นคลินิกของนักศึกษาแพทย์ ของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ผ่านมาที่หน่วยศัลยกรรมประสาทและทำการสอนแสดงสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาแพทย์มีความสนใจในสาขาวิชานี้
เป็นที่ทราบดีในหมู่แพทย์ว่าประสาทศัลยแพทย์ ทำงานหนักกว่าแพทย์สาขาอื่นและต้องทำผ่าตัดผู้ป่วยในเวลากลางคืนเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากอุบัติเหตุทางสมองมักเกิดในเวลากลางคืนและรอไม่ได้ ต้องรับการแก้ไขทันทีซึ่งแต่ละรายใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 - 3 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ท่านมิเคยท้อแท้ในความลำบาก กลับพัฒนาขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยในฐานะศูนย์กลางการแพทย์ภาคเหนือตอนล่างสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ทางระบบประสาทได้เกือบทั้งหมด ไม่ต้องส่งต่อไปยังเชียงใหม่หรือ กทม.ซึ่งลดภาระความลำบากและเป็นที่พึ่งพาของผู้ป่วย นับเป็นตัวอย่างที่ดีของแพทย์ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล แต่ได้อุทิศตนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
จึงเป็นความภาคภูมิใจของแพทยสภาที่จะมอบรางวัลแพทย์ดีเด่น สาขาแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ประจำปีพุทธศักราช 2563 ให้แก่ นายแพทย์จรัส วัชรประภาพงศ์
ขอแสดงความยินดีกับแพทย์ดีเด่นแพทยสภา ด้านอาจารย์แพทย์ ประจำปีพุทธศักราช 2563
ศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิชาติ จิตต์เจริญ
ประวัติส่วนตัว : เกิดเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2503 ปัจจุบันอายุ 58 ปี สมรสกับ นางอุดร จิตต์เจริญ มีบุตรธิดา 2 คน ตำแหน่ง ศาสตราจารย์ระดับ 11 สังกัดภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
ประวัติการศึกษา :
ประวัติการทำงาน :
ด้านการครองตน
ท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เป็นแบบอย่างที่ดี ในการดูแลครอบครัวอย่างอบอุ่น เอาใจใส่และอบรมสั่งสอนบุตรธิดาอย่างใกล้ชิด และโดยเฉพาะดูแลมารดาเป็นอย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่องจนได้รับรางวัล ลูกกตัญญูกตเวทีอย่างสูงในงานวันแม่แห่งชาติ ปี 2554
ท่านเป็นคนมีอัธยาศัยดี มีจริยธรรม มีมนุษย์สัมพันธ์ อ่อนน้อมถ่อมตน ให้ความเคารพนบนอบต่ออาจารย์อาวุโสอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีความยุติธรรมและมีเหตุผล ปฏิบัติตัวดี นับเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนแพทย์ได้
ท่านเป็นคนใส่ใจหาความรู้ มีความคิดริเริ่มในการสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการและพัฒนาความรู้ทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ด้านการครองคน
การที่ท่านเป็นผู้มีความเมตตา มีน้ำใจ ให้เกียรติผู้ร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ความเอาใจใส่สอบถามสารทุกข์ สุขดิบของคนรอบข้าง พร้อมให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และสนับสนุนให้มีความก้าวหน้า จึงเป็นที่ยอมรับและรักใคร่ของผู้ร่วมงาน
นอกจากการที่ท่านเป็นคนมีน้ำใจและเต็มใจช่วยเหลือ จึงเป็นที่พึงของบุคลากรในการขอให้ช่วยให้การรักษาพยาบาลและรับฝากครรภ์คลอด โดยที่ท่านไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น
ท่านใส่ใจในการสอนถ่ายทอดความรู้ มีเมตตาธรรม รับฟังปัญหา แก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างมีเหตุผลและกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเปรียบเสมือนเป็นพ่อพระเป็นที่พึ่งของลูกศิษย์ และเป็นที่นับถือของนักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน อาจารย์แพทย์ด้วยกัน
ด้านการครองงาน
ท่านเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบเอาใจใส่ต่อการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน ที่ได้รับมอบหมายอย่างดียิ่งเต็มความสามารถ เป็นแบบอย่างให้แก่อาจารย์รุ่นน้องและนักศึกษาแพทย์ได้ ท่านให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย โดยถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง ในการดูแลผู้ป่วย สร้างความมั่นใจให้กับผู้เรียน และยังเป็นวิทยากรให้ความรู้อย่างสม่ำเสมอกับลูกศิษย์ที่จบไปแล้วเมื่อได้รับคำเชิญ จึงเป็นอาจารย์ต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกศิษย์แพทย์
ท่านมีความเชี่ยวชาญสูงในสาขาวิชาชีพ มีประสบการณ์ทำงานสูง จึงเป็นที่ปรึกษาในการ ผ่าตัดรักษาหรือแก้ไขปัญหาในการคลอดได้เป็นอย่างดี จากการที่ท่านมีชื่อเสียงด้านฝีมือในการประกอบวิชาชีพด้านนี้ ผู้ป่วยมีความมั่นใจ จึงให้ความยินยอมให้ท่านรักษาโรคทางด้านสาขานี้มากมาย
ท่านมีผลงานทางวิชาการมากมาย มีผลงานวิจัยที่โดดเด่นที่ลงพิมพ์ ระดับนานาชาติจนเป็นที่ประจักษ์จำนวนมากเรื่อง รวมทั้งเขียนตำราวิชาการที่สามารถนำไปอ้างอิงได้ และทำงานด้านการพัฒนางานวิจัยของคณะมาตลอด โดยรับปรึกษา ช่วยแก้ไขและเสนอแนะการทำวิจัย ตลอดจนการเตรียมผลงานวิจัยเพื่อลงตีพิมพ์ให้กับอาจารย์แพทย์ นอกจากนี้ท่านยังเคยเป็นบรรณาธิการวารสารรามาธิบดีสาร และเป็น reviewer บทความวิชาการทั้งวารสารในประเทศและต่างประเทศหลายฉบับ
ท่านทำงานด้วยความรับผิดชอบสูง ประกอบกับมีความรู้และความสามารถในการบริหารงาน อีกทั้งยังจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสมกันงานที่รับผิดชอบทั้งด้านการสอน งานวิชาการ งานการบริหาร และการให้บริการผู้ป่วย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงได้รับโอกาสรับตำแหน่งเป็น รองคณบดี และคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ทั้งภายในคณะแพทย์เองและนอกคณะแพทย์ อาทิ แพทยสมาคม แพทยสภา และราชวิทยาลัยสูติฯ นำว่าผลงานเหล่านี้ได้สร้างชื่อให้มหาวิทยาลัย รวมทั้งสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
ตลอดระยะเวลาในการทำงานท่านมีความตั้งใจ อุทิศตนด้วยความมุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบต่องานที่ทำ มีความซื่อสัตย์ ใช้ความนุ่มนวลและรอบครอบในการแก้ปัญหา เพื่อภาควิชาสูตินรีเวชกรรม และคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ซึ่งนับเป็นอจ.แพทย์ที่เป็นต้นแบบได้เป็นอย่างดี
จึงเป็นความภาคภูมิใจของแพทยสภา ที่จะมอบรางวัลแพทย์ดีเด่น แพทยสภา ด้านอาจารย์แพทย์ ประจำปีพุทธศักราช 2563 ให้แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ จิตต์เจริญ
ขอแสดงความยินดีกับแพทย์ดีเด่นแพทยสภา ด้านผู้อุทิศตนเพื่อสังคมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ประจำปีพุทธศักราช 2563
นายแพทย์พิษณุ ขันติพงษ์
ประวัติส่วนตัว : เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2497 ปัจจุบันอายุ 65 ปี สมรสกับ แพทย์หญิงพัชรี ขันติพงษ์ อยู่บ้านเลขที่ 136/37 ม.4 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ตำแหน่ง รองประธาน คนที่ 1 ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ประวัติการศึกษา :
ประวัติการทำงาน :
ด้านการครองตน
ท่านเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงาม มีครอบครัวที่อบอุ่น ยิ้มแย้มแจ่มใจอยู่เสมอ มีอารมณ์สุนทรียภาพเห็นได้ชอบการเล่นดนตรี ตลอดจนดูแลตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ด้วยการเป็นนักกีฬาทำให้ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นแบบอย่างให้แก่บุคลากรในโรงพยาบาลได้อย่างดี จากคุณงามความดีทำให้ท่านได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย อาทิ รางวัลข้าราชการดีเด่น , สูตินรีแพทย์ดีเด่น , รางวัลแห่งความภูมิใจของสมาคมศิษย์เก่า มช. , บุคคลต้นแบบด้านผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านการส่งเสริมสุขภาพอนามัยสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ด้านการครองคน
ท่านมีมนุษยสัมพันธ์และอัธยาศัยดี แฝงด้วยรอยยิ้ม มีความเป็นกันเองกับผู้ร่วมงาน จึงเป็นที่รักใคร่ของบุคลากรในโรงพยาบาล แต่ท่านมีความแน่วแน่ กล้าตัดสินใจ ด้วยความจริงใจ และเสียสละเพื่อลูกน้องในการต่อเพื่อคุณธรรมเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับข้าราชการไทย ที่เป็นข้าราชการของแผ่นดินที่รับใช้ประชาชน จนได้รับคำกล่างอ้างว่า “ ท่านเป็นผู้นำที่เราเชื่อมั่น ”
ด้านการครองงาน
ในช่วงที่ท่านเป็นผู้อำนวยการ รพ. น่าน ท่านแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถในด้านบริหาร โดยท่านรับช่วงต่อในการพัฒนา รพ.น่าน ให้เป็นโรงพยาบาลคุณธรรม สร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพและมีความก้าวหน้าในการให้บริการแก่ประชาชน เป็นที่พึ่งพาของได้เมื่อยามป่วยไข้ และท่านมีความมานะบากบั่นในการทำงานด้านการส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุขให้ประชาชนจนเป็นที่ประจักษ์ในหลายๆอย่าง อาทิ โครงการรณรงค์สวมหมวกกันน็อค , โครงการพัฒนาคุณภาพการบริการ เป็นต้น ท่านยังมีความกล้าหาญ ในการพิทักษ์สิทธิคุณธรรมของข้าราชการไทย ไม่แกรงกลัวภัยคุกคาม จากคุณงานความดีและผลงานต่าง ๆ ท่านได้รับการกล่าวนามว่า คนดี ศรีเมืองน่าน
ท่านมีผลงานทางหนังสือวิชาการด้านสุขภาพ ( Health care ) ที่สอดแทรกการสร้างเสริมคุณธรรมจริยธรรมทางการแพทย์ ที่แพทย์สามารถนำไปปฏิบัติตามได้เป็นอย่างดีเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยมีแนวคิดที่ว่าการดูแลคนไข้ด้วยหัวใจ บนการสื่อสารที่ดี ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจกัน จะทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง เช่น การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจบนพื้นฐานของความรู้ Humanized Health care เป็นต้น และมีผลงานบรรยาทางวิชาการด้านนี้มากมายหลายๆครั้งในรอบปี ต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายๆปีทั้งก่อนและหลังเกษียณอายุราชการ จนมีชื่อเสียงคนรู้จักมากมายและได้รับเชิญให้ไปบรรยายทั่วประเทศ เนื่องจากมีเทคนิคการบรรยายที่ไม่เบื่อแต่ได้สอดแทรกเนื้อหาทางวิชาการ ด้วยความมุ่งมั่นว่าเพื่อแทนคุณแผ่นดิน ด้วย slogan ที่ว่า “ ผมจะไปทุกที่เพื่อสร้างคนดีให้กับแผ่นดิน ”
จึงเป็นความภาคภูมิใจของแพทยสภาที่จะมอบรางวัลแพทย์ดีเด่น แพทยสภา ด้านผู้อุทิศตนเพื่อสังคมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ประจำปีพุทธศักราช 2563 ให้แก่ นายแพทย์ พิษณุ ขันติพงษ์